สรรพากรข่มขู่ผู้เสียภาษีอย่างไร
ในหัวข้อนี้ขออนุญาตรวบรวมเทคนิคทางจิตวิทยาที่สรรพากรใช้ในการข่มขู่เอาชนะผู้เสียภาษี รวมทั้งเสนอวิธีการแก้ไขสถานการณ์และการรับมือปัญหา ซึ่งการเอาชนะการข่มขู่นี้สิ่งสำคัญที่สุดคือใจของเรา ถ้าใจเราสู้สรรพากรก็ข่มขู่อะไรไม่ได้ แต่หากใจเราแพ้นั่นคือเราแพ้ตั้งแต่ต้นแล้ว
เรื่องของคุณถูกส่งมาจากส่วนกลาง
ส่วนใหญ่จะเจอกับธุรกิจขายของออนไลน์ เวลาสรรพากรเรียกพบจะบอกว่าเรื่องของคุณถูกส่งมาจากส่วนกลาง การพูดอย่างนี้เหมือนกับเป็นการข่มขู่ว่าสิ่งที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้เป็นเรื่องของสรรพากรสำนักงานใหญ่ เพื่อให้คุณรู้สึกว่าคุณกำลังเป็นผู้ต้องหาของผู้ใหญ่ของสรรพากร คุณในฐานะผู้ไม่รู้อะไรจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่กำลังคุยกับคุณอยู่นี้
ทางออกของปัญหาคือสู้กันที่ใจครับ สิ่งแรกต้องบอกว่าไม่ว่าเรื่องจากส่วนกลางหรือส่วนท้องถิ่นมันก็เหมือนกัน และหากจะเป็นผู้ใหญ่ของสรรพากร แต่คุณมิใช่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ใหญ่คนนั้น ดังนั้นไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับคุณ หากผิดพลาดเจ้าหน้าที่โดนเล่นงาน ไม่เกี่ยวกับเรา และที่สำคัญเรื่องจะส่งมาจากไหน ไม่เห็นต้องบอกเราเลย เพราะกฎหมายฉบับเดียวกันอยู่แล้ว
หัวหน้าต้องการพบ
บางทีระหว่างการเจรจาสรรพากรเมื่อเจ้าหน้าที่จนมุมอาจไปหาหัวหน้าแล้วมาบอกคุณว่า หัวหน้าต้องการพบ เมื่อคุณเดินไปคุยกับหัวหน้าก็เข้าล็อค จะมีคนแก่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจเอาคนแก่มานั่งหลอกคุณหรือเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อเจอกับคนที่ตำแหน่งสูง ๆ หากใจคุณกลัวก็จบ บางทีเขายังจิตวิทยากับคุณอีก โดยการบอกว่าเดี๋ยวขอคุยกับผู้ใหญ่ก่อน จากนั้นหายไปสักครู่แล้วบอกว่าผู้ใหญ่ต้องการคุยด้วย แล้วพาคุณเข้าไปหาคนที่คิดว่าใหญ่กว่า แต่ความจริงแล้วที่หายไปอาจพาคนแก่อีกคนไปแต่งตัวให้ดูดี ๆ นั่งในห้องทำงานก็ได้
ในฐานะคนที่ไม่เคยเผชิญหน้ากับสรรพากร เมื่อเจอคนใหญ่ก็จะรู้สึกว่าตัวเราเล็ก จะทำให้สรรพากรรีดภาษีได้ง่าย ดังนั้นกรณีอย่างนี้อยู่ที่ใจ ผมเคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน “หัวหน้าขอคุยด้วย” ผมตอบกลับไปว่า “ได้ครับ ไปเรียกมาคุยได้เลย” เมื่อเราไม่กลัวเราก็บอกว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ อยากคุยก็เดินมาเองสิครับ ไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะต้องเดินไปหา ผมใหญ่กว่าหัวหน้าคุณนะ ไม่ใช่หัวหน้าคุณใหญ่กว่าผม ผลสรุปคือ “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ” สรุปว่างานนี้หลอกครับ
หัวหน้าไม่ยอม
ถ้ารีดภาษีไม่สำเร็จสรรพากรจะอ้างว่า ก็เข้าใจนะแต่หัวหน้าไม่ยอม อย่างน้อยคุณต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าเจอแบบนี้ถามเจ้าหน้าที่เลยว่าหัวหน้าชื่ออะไร นามสกุลอะไร อยู่ไหน เบอร์โทรอะไร เดี๋ยวเราเข้าไปคุยเอง บางทีเขาอาจจะบอกคุณว่าเดี๋ยวเขาเคลียร์ให้แล้วจบเรื่อง เพราะที่อ้างมาของปลอมทั้งนั้น
อ้างข้อกฎหมายมั่ว ๆ
บางทีสรรพากรอ้างข้อกฎหมายมั่ว ๆ เช่น บอกว่ากรณีนี้ต้องจ่ายแบบนี้ มีข้อกฎหมายระบุไว้ หรือมีข้อหารือระบุไว้อยู่แล้ว ถ้าเราถามว่าขอดูข้อหารือหรือข้อกฎหมายจะเจอคำตอบว่า อยู่ในเว็บไซต์ของกรมสรรพากรอยู่แล้ว คุณไปเปิดดูได้เลย
ถ้าเจอพวกอ้างข้อกฎหมายหรือข้อหารือแต่หากข้อดูรายละเอียดให้ไปหาเอาเองแบบนี้ บอกได้ว่าเราไม่มีหน้าที่ที่จะหาข้อกฎหมายมาเล่นงานตัวเอง สรรพากรมีหน้าที่ไปหามาเอง เจอแบบนี้รับรองมั่วครับ
ขอเอกสาร ขอแล้วขออีก
ปัญหานี้มักจะพบกรณีการขอคืนภาษี สรรพากรจะพยายามดึงเรื่องไว้โดยการขอเอกสาร แต่ที่แปลกคือเมื่อขอเอกสารแล้วแทนที่จะจบเรื่อง ปรากฏว่าขอเท่าไหร่ก็ไม่พอ อีก 1 สัปดาห์ขอเอกสารเพิ่มอีก จุดอ่อนของผู้เสียภาษีคือคิดว่าส่งเอกสารให้แล้วจบ ๆ ไปเพื่อจะได้ภาษีคืนเร็ว ๆ แต่ไม่มีทางรู้เลยว่าไอ้ที่เราให้ไปเรื่อย ๆ นั้นให้เท่าไหร่ก็ไม่จบ เป้าหมายของสรรพากรคือให้เราเหนื่อยจนเราเลิกขอเงินคืน
วิธีแก้ปัญหาไม่ยากครับ ครั้งแรกที่สรรพากรขอเอกสารมาเป็นลายลักษณ์อักษรให้คุณเตรียมไปให้ แต่เมื่อสรรพากรขอเอกสารคุณขอให้เจ้าหน้าที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรมาว่าขออะไรบ้าง หากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมทำเอกสารก็ถือว่าไม่มีการขอเอกสาร เพราะคำพูดลอย ๆ ไม่มีผลทางกฎหมาย
เมื่อปล่อยให้เวลาผ่านไป เช่น ผ่านไป 1 เดือนยังไม่มีการคืนภาษีหรือยังไม่มีหนังสือมาขอเอกสารเพิ่ม คุณสามารถโทรไปทวงถามเจ้าหน้าที่ว่าทำงานไปถึงไหนแล้ว ใจแข็ง ๆ ครับไม่ต้องกลัว หากเจ้าหน้าที่บอกว่าที่คุยกันวันนั้นว่าขอเอกสารเพิ่ม คุณเถียงไปเลยว่า “การขอเอกสารต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ดังนั้นจากหลักฐานที่มีอยู่เจ้าหน้าที่เอาเอกสารไปและไม่มีการตอบรับใด ๆ มาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ถือว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องต่อหน้าที่ จะให้ทำอย่างไร ประจานกันเลยไหม” เมื่อถึงเวลานั้นคุณจะเป็นต่อในเกมแล้วครับ
ขู่สรรพากรกลับ
จุดอ่อนอย่างหนึ่งของเจ้าหน้าที่สรรพากรก็คือกลัวการทำอะไรมีหลักฐาน คนพวกนี้ถ้าให้พูดจะเก่งมาก แต่ถ้าให้ทำอะไรมีหลักฐานจะไม่กล้า เช่น ถ้าเขาพูดแบบนี้ให้ออกเป็นลายลักษณ์อักษรมาเลยเขาจะไม่กล้า (ยกเว้นกรณีที่ชัดเจนจริง ๆ) ในหัวข้อ ข้อผิดพลาดเมื่อเผชิญหน้ากับสรรพากร มีอยู่สาเหตุหนึ่งคือ “ส่งคนผิดไปเจรจากับสรรพากร” จริง ๆ แล้วทุกคำถามของสรรพากรให้มีการถามเป็นลายลักษณ์อักษรได้จะดีที่สุด
แต่ในสถานการณ์จริงหากคุณขอให้เขาออกเอกสารมาให้ เขาจะบอกให้คุณจดเอาเอง ทุกครั้งที่ไปพบสรรพากรให้เตรียมกล้องวีดีโอไปด้วย กล้องสมัยนี้ตัวเล็กนิดเดียวหิ้วไปถ้าไม่เอาออกมาใช้ก็ไม่มีใครเห็น ถ้าสรรพากรไม่ยอมออกเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร ให้หยิบกล้องขึ้นมาแล้วบอกขอบันทึกคลิปการเจรจา เสร็จทุกรายครับ พฤติกรรมกร่างข่มขู่ผู้เสียภาษีจะหายหมด เพราะหากทำลงไปอีกจะกลายเป็นหลักฐานเล่นงานตัวเอง
แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ผมเคยเจอกรณีหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่แนะนำสิ่งผิด ๆ ให้กับผู้เสียภาษี เมื่อผมไปเจรจาให้ก็มีพฤติกรรมกร่างแบบนี้แหละครับ อาศัยวาทศิลป์ในการเจรจาเจ้าหน้าที่ยอมรับอย่างภูมิใจว่าเขาแนะนำอย่างนั้นเอง สุดท้ายคลิปนี้กลายเป็นหลักฐานเล่นงานเจ้าหน้าคนนี้กลับไป
ในการเผชิญหน้ากับสรรพากร ใจสำคัญที่สุดถ้าใจไม่กลัวเจ้าหน้าที่จะข่มขู่คุณไม่ได้เลย ดังนั้นหากใจไม่มั่นคงหรือยังกลัวอยู่ ผมแนะนำให้หาคนที่กล้าเผชิญหน้ากับสรรพากรส่งไปแทน คนนั้นไม่ต้องรู้ธุรกิจของคุณ ไม่ต้องรู้บัญชี แค่รู้ทันสรรพากรก็พอแล้ว