ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสรรพากร

                จากที่ได้เคยเสวนาแลกเปลี่ยนกับคนรอบข้างรวมทั้งหลายคนที่ติดต่อเข้ามาเพื่อปรึกษาเรื่องภาษีอากร เท่าที่คุยกันเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่อาจจะไม่ถูกต้องนักเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่สรรพากร โดยความเชื่อที่อาจไม่เหมาะสมเหล่านี้ได้แก่

 

สรรพากรมีอำนาจล้นฟ้า

                คนส่วนใหญ่มักจะกลัวสรรพากร คนทั่วไปคิดว่าสรรพากรมีอำนาจเต็มที่ที่จะทำอะไรเราก็ได้ มีอำนาจจะสั่งการอะไรเราก็ได้ จึงเป็นเรื่องปรกติมากที่เราจะถูกสรรพากรข่มขู่และตกหลุมพรางของเจ้าหน้าที่ ทำให้เราต้องเสียเงินไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่บางครั้งเราไม่ควรต้องเสีย

                ในความจริงแล้วสรรพากรก็คือข้าราชการคนหนึ่งที่ต้องทำงานอยู่ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ของทางราชการ การที่สรรพากรมาข่มขู่คุณจริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดและหากคุณมีหลักฐาน เช่น การถ่ายคลิปวีดีโอระหว่างการทำงานของสรรพากร อาการผยองของเจ้าหน้าที่ก็จะหายหมด กลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ ไปในทันที เพราะหากการข่มขู่นี้มีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอและผู้เสียหายนำไปร้องเรียน เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ถูกลงโทษได้ ที่สำคัญการนำคลิปวีดีโอการปฏิบัติราชการของข้าราชการออกเผยแพร่นั้นมิใช่สิ่งผิดกฎหมาย เพราะนโยบาย “ศูนย์ราชการใสสะอาด” การปฏิบัติราชการต้องไม่เป็นความลับ ดังนั้นการเผยแพร่การปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่จึงไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

                กรณีที่เห็นบ่อย ๆ ที่ผ่านมาคือคนที่ขายสินค้าหรือบริการทางอินเตอร์เน็ตมักจะถูกสรรพากรเรียกพบ และหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้ก็คือรายการเดินบัญชี สรรพากรจะขอดูรายการเดินบัญชีเพื่อประเมินรายได้และรีดภาษี แน่นอนว่าคนทั่วไปที่รู้ก็ไม่อยากให้ แต่จะต้องวัดใจกับการข่มขู่ของสรรพากร โดยสรรพากรจะขู่ว่าถึงคุณไม่ให้สรรพากรก็มีสิทธิ์ไปขอจากธนาคารได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผิด เพราะลำพังเจ้าหน้าที่ระดับล่างไม่สามารถที่จะบังคับให้ธนาคารเปิดเผยรายการเหล่านี้ได้ แต่ด้วยความที่เหยื่อกลัวสรรพากรจะโกรธจึงหวังว่าการส่งมอบรายการเดินบัญชีไปจะทำให้สรรพากรพอใจและประเมินภาษีน้อย ๆ ซึ่งความจริงแล้วหากเราไม่สนคำขู่ของสรรพากร เจ้าหน้าที่ก็จะทำอะไรไม่ได้เลย

                เรื่องความเชื่อว่าสรรพากรมีอำนาจมากนี้ทำให้เกิดความผิดพลาดในการเผชิญหน้ากับสรรพากรบ่อย ๆ เพราะความเชื่อนี้ทำให้คนกลัวสรรพากรเลยกลายเป็นจุดอ่อนให้เจ้าหน้าที่ชี้นำให้เหยื่อเดินไปติดกับ แต่หากจิตใจเราแข็งและมองว่าเจ้าหน้าที่ก็คือคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เราไม่ต้องให้ความสำคัญ ถ้าคุณทำได้อย่างนั้นสรรพากรก็จะไม่มีอำนาจอะไรเหนือคุณเลย

 

เราไม่ควรมีปัญหากับสรรพากร

                เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความคิดที่ว่า “สรรพากรมีอำนาจล้นฟ้า” ทำให้คนคิดว่าเราไม่ควรมีปัญหากับสรรพากร เพราะเขาอาจจะกลั่นแกล้งเราได้ แต่ในความเป็นจริงในนโยบาย “ศูนย์ราชการใสสะอาด” มีอยู่ข้อห้ามอยู่เรื่องหนึ่งคือ “ห้ามเลือกปฏิบัติ” ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งคุณ คุณก็สามารถหาหลักฐาน เช่น การถ่ายคลิปวีดีโอระหว่างการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บหลักฐานความผิดเพื่อร้องเรียนหรือออกอินเตอร์เน็ตยังได้เลย

                จริง ๆ แล้วไม่ใช่เราที่กลัวเจ้าหน้าที่ แต่ในทางปฏิบัติแล้วสิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่กลัวก็คือผู้เสียภาษีที่รู้กฎหมายหรือกฎระเบียบของข้าราชการ โดยทั่วไปเมื่อเจ้าหน้าที่พบกับผู้เสียภาษี เจ้าหน้าที่จะลองใจดูก่อนว่าผู้เสียภาษีที่กำลังคุยด้วยนี้เป็นราชสีห์หรือหมูในอวย หากเป็นราชสีห์ที่ไม่กลัวสรรพากร เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา แต่หากเป็นหมูในอวยที่กลัวสรรพากรและยินดีให้เจ้าหน้าที่เชือด พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาใจสรรพากร อย่างนี้เสร็จทุกราย

                ยังมีอีกประเภทหนึ่งแต่เป็นส่วนน้อยมาก คือหากเจ้าหน้าที่มาถึงก็จะพยายามกลั่นแกล้งและคอยจับผิดสรรพากร บางทีแกล้งให้สรรพากรปวดหัวเล่น ซึ่งหากคุณเป็นผู้เสียภาษีกลุ่มนี้ได้คุณก็จะเป็นคนที่สรรพากรระบุว่าอย่ามายุ่งด้วยจะดีที่สุด แต่ในทางปฏิบัติแล้วคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนเรามีหน้าที่ต้องเสียภาษี ยื่น ภ.ง.ด. ทุกปี หรือหากบริษัทก็มีหน้าที่ต้องยื่น ภ.ง.ด. ทุกเดือน แต่สรรพากรโดยเฉพาะฝ่ายตรวจสอบและประเมินภาษีก็จะไม่อยากยุ่งกับลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งหากคุณสามารถที่จะเป็นผู้เสียภาษีที่สรรพากรไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว คุณก็จะมีภูมิคุ้มกันสรรพากรที่ดีและปลอดภัยจากการรบกวนของสรรพากร

 

สรรพากรไว้ใจได้

                เรามักจะคิดว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรคือข้าราชการที่จะต้องปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา แต่เจ้าหน้าที่สรรพากรที่มาพบกับคุณในด่านแรกก็คือคนที่มีหน้าที่ต้องทำยอดนำส่งภาษีเข้ากรม ซึ่งการทำยอดของเจ้าหน้าที่หากทำกันตามหลักการและกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร แต่เพื่อให้ปิดงานง่าย ๆ หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่หลอกผู้เสียภาษีให้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม แกล้งให้เราเกิดปัญหาขึ้นและเมื่อเราหลงกลกลายเป็นเราต้องเสียภาษีมากกว่าที่ควรจะเป็น

                เคยมีอยู่กรณีหนึ่งทำการปิดบริษัท สรรพากรแนะนำว่าเดี๋ยวจัดการให้ แต่หลังจากนี้ถ้ามีเอกสารจากสรรพากรไปหาก็เฉย ๆ ไม่ต้องสนใจ ตอนแรกมีจดหมายจากฝ่ายประเมินภาษีส่งมาว่าต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มค้างจ่ายสามแสนกว่าบาท ลงนามโดยเจ้าหน้าที่ที่แนะนำคนนั้น ผู้เสียหายก็เลยทำตามคือเพิกเฉยโดยไม่รู้ว่าการเพิกเฉยคือการยอมรับ สุดท้ายเรื่องถูกส่งไปยังฝ่ายกฎหมายเพื่อดำเนินการเร่งรัดและฟ้องศาล

                จากตัวอย่างดังกล่าว ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติงานด้วยความสุจริตทุกราย เรารับฟังคำแนะนำจากสรรพากรได้ แต่การจะปฏิบัติตามหรือไม่ให้ใช้ดุลยพินิจให้ดี ไม่ใช่เชื่อสรรพากรหมด เพราะสรรพากรอาจแนะนำเราให้เสียภาษีสูง ๆ เพื่อให้เขามีผลงานได้มาก ๆ ก็ได้

                อีกกรณีที่มักจะพบบ่อยคือการที่เจ้าหน้าที่ขอเอกสารและเรามอบให้โดยที่ไม่มีการเซ็นรับ เพราะเราคิดว่าเจ้าหน้าที่จะรักษาเอกสารให้เราได้อย่างดี แต่เรื่องนี้ผิดถนัด สรรพากรทำเอกสารหายบ่อยมากจนเรียกได้ว่าเกือบทุกครั้งที่ส่งเอกสารไปจะได้คืนมาไม่ครบ ดังนั้นทุกครั้งที่ส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่สรรพากร ให้มีการเซ็นรับเอกสารอย่างละเอียด ทำรายการทุกใบให้เจ้าหน้าที่เซ็นรับว่ารับเอกสารอะไรไปบ้าง มีอะไรบ้าง มีเอกสารกี่ใบ พร้อมระบุว่าหากเอกสารได้รับความเสียหาย หรือสูญหาย หรือการรั่วไหลของข้อมูลแล้ว เจ้าหน้าที่จะรับผิดชอบโดยไม่มีข้อจำกัด ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่กล้าเซ็นก็วัดกันไปเลย ให้เขาตรวจสอบต่อหน้าเรา เรายอมนั่งเฝ้า ผมคิดว่าเขาตรวจถึงสัก 4-5 โมงเย็นก็หมดแรงและคืนมาแล้ว ผลคือบริษัทคุณไม่ต้องมีการตรวจสอบเพราะเหนื่อย ยอมเหนื่อยวันเดียวดีกว่ามาเสียใจภายหลัง

                เรื่องการขอเอกสารนี้สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือบางครั้งเจ้าหน้าที่สรรพากรอาจติดต่อไปที่สำนักงานบัญชีโดยตรง ซึ่งเราต้องมั่นใจว่าสำนักงานบัญชีจะรักษาเอกสารสำคัญของเราได้เป็นอย่างดี เพราะหากคุณได้นักบัญชีหรือสำนักงานบัญชีที่กลัวสรรพากรขึ้นสมองแล้ว จะกลายเป็นจุดอ่อนของธุรกิจคุณทันที เรื่องนี้ผมจึงมักจะแนะนำว่าอย่าให้นักบัญชีไปเจอสรรพากรด้วยตัวเองจะดีที่สุด

 

สรรพากรเป็นมืออาชีพ

                เรามักคิดว่าสรรพากรได้เคยตรวจสอบกิจการอื่นมามากมาย ย่อมต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นปฏิกิริยาของเราต่อสรรพากรจึงมักจะทำให้เกิดปัญหาได้แก่

เจ้าหน้าที่อ้างข้อกฎหมายอะไรก็เป็นจริงหมด : เรามักจะเชื่อในข้อกฎหมายหรือหลักการที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้างขึ้นมา โดยไม่มีการตรวจสอบหรือขอดูข้อกฎหมายว่าจริงหรือไม่ เพราะเราคิดว่าเจ้าหน้าที่ผ่านงานมามากน่าจะรู้ดีกว่าเรา แต่ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่มั่วขึ้นมาก็มีและก็เป็นส่วนใหญ่เสียด้วย ลองบอกให้เขาเอาข้อกฎหมายมาแสดง ถ้าได้คำตอบว่า “คุณไปค้นเอาเองได้เลย” รับรองว่างานนี้มั่วแน่ วิธีแก้ไขคือเสียงแข็ง ๆ ไปเลยว่า “ถ้าไม่มีข้อกฎหมายรองรับอย่างเป็นทางการ เราไม่ยอมรับ” หรือบอกให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารมาว่าตามกฎหมายแล้วต้องทำอย่างไร หรือเอาง่ายที่สุดการถ่ายคลิปวีดีโอแล้วให้เจ้าหน้าที่อ้างกฎหมายใส่ลงไปในคลิป ผมรับรองว่าเจ้าหน้าที่จะตกเป็นเบี้ยล่างในการเจรจาทันที

เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาก็รู้แล้วเราทำอะไรไปบ้าง : เจ้าหน้าที่ไม่รู้หรอกครับว่าธุรกิจเราเป็นอะไร ถ้าเรามีลูกเล่นกลับว่าต้องการเอกสารหรือข้อมูลอะไรให้ขออย่างเป็นทางการ บางทีเจ้าหน้าที่อาจเลิกตรวจกิจการของคุณไปเลยก็มี เพราะรู้ว่าบริษัทนี้คงกินยาก ผมยังเคยมีประสบการณ์เจ้าหน้าที่ขอเอกสารจากผม จริง ๆ เป็นแค่เอกสารธรรมดา ผมบอกให้ขอเป็นลายลักษณ์อักษรมา หรืออย่างน้อยส่งอีเมลมาเพื่อเป็นหลักฐานก่อนแล้วผมจะส่งเอกสารไปให้ ทั้งที่แค่แสกนส่งทางเมลเท่านั้น ไม่ใช่ขอของจริงเลย ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องแล้วและหยุดตรวจบริษัทผมเลย

 

                ทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวกับเรื่องภูมิคุ้มกันสรรพากรนี้ ต้องเริ่มต้นจากความคิดที่ว่าเราไม่กลัวสรรพากร ถ้าเราไม่กลัวเสียอย่างเจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรเราไม่ได้

Leave a Reply